4G ที่ว่าแน่ ยังต้องแพ้ให้กับสัญญาณ 5G
ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน จึงก่อให้เกิดแรงผลักดันการพัฒนาและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆขึ้นมาอยู่เสมอเพื่อความได้เปรียบทางการแข่งขันจากคู่แข่ง รวมไปถึงด้านเทคโนโลยีในปัจจุบันก็เช่นกันที่ไม่มีวันหยุดนิ่งและมีการพัฒนาอย่างไม่รู้จบสิ้น แม้กระทั้งสัญญาณที่เราใช้อยู่ก็เช่นกันก่อนหน้านี้เราเคยใช้แค่ 3G แต่ต่อมาก็ต้องถูกแทนที่ด้วย 4G และในปัจจุบันก็เช่นเดียวกัน ใช่ค่ะ 4G ก็กำลังจะถูกแทนที่ด้วย สัญญาณที่ดีกว่าเร็วกว่าและทำได้มากกว่าอย่าง 5G
5G คืออะไร?
5G คือ Generation 5 หรือรุ่นที่ 5 ของเทคโนโลยีที่ใช้ในการสื่อสารที่ได้ถูกพัฒนามาจากรุ่นก่อนๆอย่าง 1G (มือถืออนาล็อก), 2G (ยุคแรกของมือแบบดิจิทัล ส่ง SMS ผ่านมือถือได้), 3G (ยุคโทรศัพท์แบบเห็นหน้า, ดูทีวีเล่นเกมออนไลน์, เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทได้ตลอดเวลา), 4G (ยุคที่อินเตอร์เน็ตมีความเร็วสูง สามารถดู Youtube แบบ HD บนมือถือได้) ในส่วนของยุค 5G มันก็คือ การสื่อสารที่ในอนาคตมันจะไม่ใช่แค่มือถืออีกต่อไปแล้ว แต่จะเป็นมากกว่านั้น เพราะอุปกรณ์ทุกชนิดจะสามารถเชื่อมอินเตอร์เน็ตได้หมด (Internet of Things หรือ IoT) ซึ่งว่ากันว่าถ้าเรามี 5G เราก็จะสามารถดาวน์โหลดวีดีโอ หนังหรือแม้กระทั่งแอปพลิเคชันที่หนักๆ ได้อย่างรวดเร็วแบบติดจรวดถึง 10,000 Mbps! เลยทีเดียว แต่ถ้าหากว่าเราใช้ 4G ดูวิดีโอออนไลน์ ซึ่งมีขนาดเพียงแค่ขนาด 8K หรือการดาวน์โหลดหนังเราต้องใช้เวลารอนานถึง 6 นาทีเลยนะ แต่ถ้าหากว่าเรามี 5G กลับใช้เวลารอไม่ถึงนาทีหรือเพียงแค่ 6 วินาทีเท่านั้น
ทำไม 5G ถึงเจ๋งกว่า 4G?
และนี่คือ 5 เหตุผลว่าทำไมเราถึงควรเปลี่ยนไปใช้สัญญาณ 5G แทนสัญญาณ 4G ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน
การถ่ายโอนข้อมูลในจำนวนเยอะได้เร็วกว่า
4G สามารถถ่ายโอนข้อมูลเข้าเครื่องได้ 1 GB ต่อวินาที แต่ 5G ทำได้มากกว่านั้นเพราะสามารถถ่ายโอนข้อมูลที่มีปริมาณถึง 20 GB ต่อวินาทีหรือ 20 เท่าของ 4G เลยทีเดียวเรียกว่าทุกสถิติกันไปเลยจ้า
รับรองการใช้งานในแต่ละพื้นที่ได้มากกว่า
4G สามารถรองรับคนได้ราวๆ 1 แสนคนต่อพื้นที่ 1 ตร.กม. แต่เดี๋ยวก่อน เพราะ 5G สามารถรองรับได้มากถึง 10 เท่าไปเลยจ้า หรือก็คือรับได้ถึง 1 ล้านคนต่อพื้นที่ 1 ตร.กม.
มีความถี่สำหรับใช้งานมากกว่า
4G มีความถี่ให้ใช้แค่ 3GHz แต่หลบไป เพราะ 5G สามารถใช้งานคลื่นความถี่ได้มากถึง 30GHz
รับส่งข้อมูลได้มากกว่า
ในขณะที่ 4G รับส่งข้อมูลต่อเดือนได้เพียงแค่ 7.2 Exabytes แต่ 5G สามารถรับส่งข้อมูลได้เพิ่มขึ้น ถึง 7 เท่า คือ 50 Exabytes ต่อเดือน
ตอบสนองไวกว่า
หากเราใช้เจ้า 4G ในการสั่งงานหรือควบคุมสิ่งต่างๆ ได้เร็วถึง 20 – 30 ms (Milli-second คือ 1:1,000 วินาที) แต่ 5G จะเร็วขึ้นถึง 10 เท่า และจะสั่งงาน IoT หรือสมาร์ทดีไวซ์ได้เร็วจริงถึง 3-4ms เลยทีเดียว